เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันนี้ที่ 29 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดโบสถ์ ต.โพธิ์ม่วงพันธ์ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งว่าภายในวัดโบสถ์กำลังมีการรดน้ำศพโดยมีสัปเหร่อเป็นผู้หญิงสาว หลังจากเดินทางไปถึงบนศาลาการเปรียญก็พบมีการตั้งศพของนายสมยศ บุญรอด อายุ 58 ปี นอกจากนั้นยังพบน.ส.นฤมล ด้วงทอง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ที่ 2 ต.อบทม อ.สามโก้ จ.อ่างทอง สัปเหร่อสาวกำลังทำพิธีเบิกโลงศพเพื่อจะนำศพใส่โลง โดยมีนายวินัย ด้วงทอง อายุ 57 ปี ผู้เป็นพ่อคอยเตรียมอุปกรณ์ให้ จากนั้นเมื่อได้เวลาทำการรดน้ำศพ น.ส.นฤมล ก็จัดเตรียมสถานที่ด้วยความคล่องแคล่วแม้แต่การมัดตราสังก็เป็นผู้มัดเอง
จากการสอบถาม น.ส.นฤมล กล่าวว่า ตนทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อมาแล้วกว่า 3 ปี โดยตอนแรกเริ่มทำกับน้องชายพอน้องชายไปเป็นทหารก็ทำเองมาโดยตลอดบางงานก็มีพ่อมาด้วย ถามว่ากลัวไหมตอบว่าไม่กลัวเพราะเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ มารุ่นพ่อ จนมาถึงรุ่นตนตน หากไม่เรียนวิชานี้ไว้มันก็จะหายไป ซึ่งในการเป็นสัปเหร่อนั้น ตนจะรับผิดชอบเป็นสัปเหร่อวัดในเขต อ.สมโก้ จำนวน 3 วัด โดยในการเป็นสัปเหร่อจะไปทำพิธีตั้งแต่วันแรกที่ศพมาถึง โดยทำพิธีเบิกโลงศพ อาบน้ำศพ นำศพลงโลง จนถึงขั้นตอนการเผา ซึ่งวิชาทั้งหมดก็ร่ำเรียนมาจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งจริงๆ แล้ว ตนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ วิชาเอกคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ตนทำงานเป็นสัปเหร่อเพียงอย่างเดียว งานประจำอื่นยังไม่มี แต่หากว่ามีงานประจำ ตนก็สามารถที่จะทำงานสัปเหร่อแบบนี้ต่อไปได้ด้วย
ด้านนายวินัย ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ตนสอนลูกสาวมานานแล้ว ตนเห็นลูกสาวไม่กลัวก็เลยสอนให้ตอนนี้ปล่อยมือให้ทำเองคนเดียวได้สบาย เพราะบางครั้งมีงานติดกันหลายวัดก็ต้องแยกกันไปทำ วิชาสัปเหร่อนั้น ตนก็ถูกถ่ายทอดมาจากพ่อของตน ซึงพ่อตนก็รับมาจากปู่ตนอีกที ถือว่าเป็นการตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษ จนมาถึงรุ่นของลูกสาวตนซึ่งมีคนสนใจและสามารถทำได้ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าวิชาสัปเหร่อจะไม่หายไปไหน
Credit : https://goo.gl/bQTLAR